หนังสือ ยุคสมัยและกษัตริย์อย่างใหม่ ในพระราชพิธีสิบสองเดือน บรรณาธิการโดย คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร
หนังสือขนาดจัมโบ้ (กว้าง 16.5 x สูง 24 cm) ขนาดสัน 18.5 mm
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 312 หน้า
เป็นหนังสือรวมบทความเกี่ยวกับ พระราชพิธีสิบสองเดือน ที่เขียนโดย ธงชัย วินิจจะกูล อาทิตย์ ศรีจันทร์ วิภัส เลิศรัตนรังษี และพิชญา สุ่มจินดา ; โดยมี คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร เป็นบรรณาธิการ
_____________________________
พระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะนั้นอายุ 35 ปี) แรกเริ่มเป็นข้อเขียนประเดิมให้กับวารสาร วชิรญาณ โดยพิมพ์เป็นตอนๆ ต่อเนื่องกัน 69 ตอน ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2431 ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2433 รวมเวลาเกือบ 18 เดือน เริ่มจากคำนำของความเรียงชุดนี้ในตอนกลางเดือน 11 ตามปฏิทินจันทรคติ (ปลายเดือนตุลาคม) จากนั้นจึงเริ่มที่พระราชพิธีในเดือน 12 คือ พระราชพิธีจองเปรียงในเดือนพฤศจิกายน ไล่เรียงไปตามลำดับ แม้ว่าท้ายที่สุดจะไม่ครบ 12 เดือนเพราะขาดพิธีเดือน 11 ไป แต่ไม่ใช่มีแค่ 12 พิธีเพราะแทบทุกเดือนมีพิธีใหญ่น้อยมากกว่าหนึ่ง พระราชพิธีสิบสองเดือน ได้รับการรวมเล่มพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2454 (ปีถัดจากสวรรคต) และตีพิมพ์ซ้ำต่อมาอีกหลายครั้ง...
มักเข้าใจกันว่า พระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นตำราหรือคู่มือของการประกอบพระราชพิธีและธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน...
บทความนี้เสนอว่า พระราชพิธีสิบสองเดือน แสดงให้เห็นสำนึกแบบใหม่ถึงความต่างของยุคปัจจุบันจากยุคก่อนหน้า ตระหนักว่าปัจจุบันเป็นยุคสมัยใหม่ สำนึกใหม่เช่นนี้เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออกกับการเปลี่ยนแปลงของความคิดสำคัญๆ ที่เกิดใหม่ในกระบวนการเดียวกัน ได้แก่ ความเป็นเหตุเป็นผลและเหตุผลนิยม (rationalism) แบบพุทธของไทย ซึ่งนำไปสู่มโนทัศน์ (concept) เกี่ยวกับกษัตริย์และพระราชพิธีอย่างใหม่ด้วย สำนึกแบบใหม่เหล่านี้สะท้อนออกมาในรูปแบบการเขียน การบรรยาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวบทส่วนที่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ ประชดเหน็บแนม โต้แย้ง ฯลฯ ซึ่งมักถูกมองข้าม...
พระราชพิธีสิบสองเดือน ลดความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชพิธีและของตัวงานประพันธ์ (คือไม่ใช่ “คัมภีร์” อีกต่อไป) ไม่ได้ช่วยเสริมหรือสะท้อนบุญวิเศษของผู้ประพันธ์หรือสร้างบุญให้แก่ผู้อ่านหรือฟังแต่อย่างใด แต่เป็นแหล่งความรู้ทางโลกย์ที่สาธารณชนในบรรณพิภพเสพได้ รู้ได้ แม้จะเป็นความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีและกษัตริย์ก็เถอะ
พระราชพิธีสิบสองเดือน ที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นเหล่งความรู้ของสาธารณชนเช่นนี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับสถานะกษัตริย์แบบจักรภพ (cosmic monarchy) กล่าวคือกลายเป็นกษัตริย์สาธารณะ (public monarchy)
พระราชพิธีจึงมิใช่พิธีกรรมเพื่อสื่อเชื่อมกับพลังจักรวาลอันศักดิ์สิทธิ์มากเท่ากับเพื่อสื่อกับสาธารณชนในสังคม ภาษาจึงเปลี่ยนจากภาษาที่วิจิตรเพื่อการบูชามาเป็นภาษาที่เกือบเหมือนภาษาพูด ซึ่งสอดคล้องกับการปรากฏและเติบโตขึ้นของปริมณฑลสาธารณะ (public sphere) ในช่วงเดียวกัน
บางส่วนจาก บทความ ยุคสมัยอย่างใหม่และกษัตริย์อย่างใหม่ใน พระราชพิธีสิบสองเดือน
ของธงชัย วินิจจะกูล
______________________
หนังสือเล่มนี้มีวัตถุการศึกษาหลักร่วมกัน คือ บทพระราชนิพนธ์ พระราชพิธีสิบสองเดือน ในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เว้นแต่งานของพิชญา สุ่มจินดา ที่ใช้วัตถุการศึกษาหลักเพิ่มเติมจากผู้เขียนท่านอื่น คือ ใช้จิตรกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือนเป็นวัตถุการศึกษาหลักควบคู่ไปกับหลักฐานลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ ผู้เขียนทุกท่านใช้ พระราชพิธีสิบสองเดือน เป็นแกนหลักสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้วงขณะ (moments) เมื่อสยามพลิกผันเข้าสู่สยามสมัยใหม่?
คำถามและเรื่องเล่าที่เป็นคำตอบเฉพาะตัวของแต่ละท่านมีลักษณะร่วมกัน ต่างกัน จนถึงไม่เชิงเหมือนกัน บทความแรกของธงชัย วินิจจะกูล ตั้งคำถามเบื้องต้นก่อนว่า พระราชพิธีสิบสองเดือน แผกไปจากวรรณกรรมชิ้นอื่นที่เคยมีมาเกี่ยวพระราชพิธีในราชสำนักในแง่ขนบวรรณกรรมและสำนึกภูมิปัญญาอย่างไร? ความแหวกขนบนั้นกำลังบอกอะไรกับเรา?...
ผลงานชิ้นต่อมา อาทิตย์ ศรีจันทร์ ได้ต่อยอดงานวิชาการจากการบรรยายของธงชัยเมื่อปี 2554 โดยมีคำถามสำคัญว่าตัวบท “พระราชพิธีสิบสองเดือน” เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทใด? ข้อเสนอหลักของอาทิตย์ คือ พระราชพิธีสิบสองเดือน เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทเปลี่ยนผ่านที่ข้อความคิดเรื่องรัฐชาติที่บ่งชี้ผ่านความเป็นศิวิไลซ์กำลังก่อรูปขึ้น ทำให้ พระราชพิธีสิบสองเดือน ผิดแผกไปจากวรรณกรรมเกี่ยวกับพระราชพิธีก่อนหน้า...
ผลงานชิ้นถัดมา คือ งานของวิภัส เลิศรัตนรังษี ที่ฉายภาพการขับเคี่ยวระหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ ใน “โลกการเมืองในพระราชพิธีสิบสองเดือน” ที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงสะท้อนความทรงจำในขณะที่ทรงพระเยาว์ แวดล้อมไปด้วยผู้ใหญ่ ความคาดหวังจากสาธารณะ และความพยายามประสานความกลมเกลียวระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ โดยภาพสะท้อนดังกล่าวได้ฉายผ่านตัวบทและบริบทของ พระราชพิธี 12 เดือน...
ส่งท้าย คือ ผลงานของพิชญา สุ่มจินดา คือ การต่อยอดจากข้อเสนอธงชัยเมื่อ 11 ปีก่อน ผนวกกับข้อเสนอในบทความของธงชัยในบทความแรก พิชญายังสนทนากับตัวเองใหม่กับงานวิจัยชิ้นก่อนของเขาเรื่อง “การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ศิลปะและแนวคิดเชิงสังคมและวัฒนธรรมของจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม” โดยธงชัยก็ได้อ้างอิงข้อเสนอพิชญานำมาใช้ส่งเสริมจินตภาพการแสดงออกของสำนึกยุคสมัยอย่างใหม่ที่เขาได้อธิบายไปผ่านแว่นมองทางศิลปะ...
บางส่วนจาก คำนำของคงสัจจา สุวรรณเพ็ชร (บก.ประจำเล่ม)